หมวกนิรภัย/หมวกวิศวะ/หมวกเซฟตี้/หมวกช่างก่อสร้าง (Safety Helmet) คือ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment) หรืออุปกรณ์นิรภัยประเภทหนึ่ง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสวมใส่เพื่อป้องกันอันตรายหรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับศีรษะในขณะทำงาน โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ก่อสร้าง และโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ จะต้องสวมใส่หมวกนิรภัยนี้ เพราะเป็นกฎข้อบังคับส่วนหนึ่งของพระราชบัญญัติความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ของกระทรวงแรงงาน นายจ้างหรือสถานประกอบการต้องจัดหาให้พนักงานได้สวมใส่หมวกนิรภัย รวมถึงผู้ที่ต้องทำงานบนที่สูง เช่น รุกขกร (หมอต้นไม้) ต้องสวมใส่หมวกหมวกนิรภัยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่าหมวกนิรภัยถือเป็นอุปกรณ์หรือไอเท็มได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับสวมใส่เพื่อป้องกันอุบัติเหตุหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับศีรษะ (Head Protection) นี้ เฮียบฮกออนไลน์ขอนำเสนอสาระและความสำคัญของการสวมใส่หมวกนิรภัยในสถานที่ทำงานเพื่อให้ตระหนักถึงอันตรายหรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดกับศีรษะ รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นหากศีรษะได้รับอันตรายและการเลือกใช้หมวกนิรภัยให้เหมาะกับงาน
หมวกนิรภัยสำคัญอย่างไร? ทำไมต้องสวมใส่?
ทำไมศีรษะต้องได้รับการปกป้องและดูแล: เพราะศีรษะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสมอง มีความละเอียดอ่อน บอบบาง ทำหน้าที่คิด วิเคราะห์ และควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกายของมนุษย์ หากเกิดอะไรขึ้นกับศีรษะจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสมองอย่างแน่นอน นอกจากนี้การบาดเจ็บที่ศีรษะ (Head Injury) เป็นหนึ่งในสาเหตุการตายและความพิการที่สำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน เช่น ไซต์ก่อสร้าง โรงงาน หรือในพื้นที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น สถิติการบาดเจ็บที่ศีรษะเกิดขึ้นขณะทำงานหรือสถานที่ทำงานมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
การบาดเจ็บที่ศีรษะ (Head Injury) หมายถึง การบาดเจ็บที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของสมอง เช่น อ่อนแรง สูญเสียการทรงตัว จำสถานที่หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นผลมาจากการกระทบกับสิ่งของหรือแรงภายนอกสมอง ทั้งนี้ การบาดเจ็บที่ศีรษะสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งการบาดเจ็บที่ศีรษะโดยตรงและทางอ้อม ได้แก่ การถูกตี ถูกยิง ชนของแข็ง หรือการตกจากที่สูงแล้วก้นกระแทกกับพื้น และทำให้กระดูกคอส่วนบนของศีรษะเกิดการกระแทก ส่งผลกระทบกระเทือนต่อสมองส่วนท้าย
อาการบาดเจ็บที่ศีรษะเกิดขึ้นได้ 2 ระยะ ในระยะแรกจะเป็นการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน กระทบต่ออวัยวะต่าง ๆ ของศีรษะ เช่น หนังศีรษะ กะโหลกศีรษะ เนื้อสมองในลักษณะบวม ช้ำ เนื้อสมองช้ำ หรือกะโหลกแตกยุบ เป็นต้น สำหรับอาการบาดเจ็บระยะที่สอง เป็นภาวะแทรกซ้อนหลังจากเกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะ ในระยะนี้อาการบาดเจ็บจะใช้เวลานานหลายนาที เป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน เช่น ภาวะเลือดออกภายในกะโหลกศีรษะและเกิดสภาวะสมองบวม เป็นต้น
อย่างไรก็ดี หากมีอาการ ง่วงซึม หรือไม่รู้สึกตัว หมดสติ กระสับกระส่ายมากกว่าปกติ พูดลำบาก หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป แขนขาอ่อนแรงลง ปวดศีรษะรุนแรง ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน มีอาการไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียนติดต่อกันหลายครั้ง มีเลือดหรือน้ำใส ๆ ไหลออกจากหู หรือจมูก หรือตาพร่ามัวมองเห็นภาพซ้อน ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการบาดเจ็บที่ศีรษะทันที
หมวกนิรภัยคืออะไร: หมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยหรืออุปกรณ์ป้องกันศีรษะ (Head Protection Device) และมีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น หมวกวิศวะ/วิศวกร หมวกเซฟตี้ หรือหมวกช่างก่อสร้าง เป็นต้น หมวกนิรภัย คือ หมวกที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บที่ศีรษะของผู้ปฏิบัติงาน หมวกนิรภัยจะผลิตจากวัสดุ 3 ชนิด ได้แก่ พลาสติก ไฟเบอร์กลาส และโลหะ
ประโยชน์ของการสวมใส่หมวกนิรภัยในขณะทำงาน: ความปลอดภัยของพนักงานในขณะทำงานถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และจำเป็นต้องมีมาตรการความปลอดภัยให้กับพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสถานที่ที่มีความเสี่ยง มาตรการความปลอดภัยที่ดีจะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บเป็นอย่างมาก เนื่องจากศีรษะเป็นอวัยวะชนิดเดียวของร่างกายมนุษย์ที่มีกระดูกห่อหุ้มเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ศีรษะต้องได้รับการปกป้องและดูและเป็นอันดับแรกเพราะเป็นที่อยู่ของสมองมนุษย์ ดังนั้น หมวกนิรภัย/หมวกวิศวะ/หมวกเซฟตี้/หมวกช่างก่อสร้าง เปรียบเสมือนด่านแรกทำหน้าที่ป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะ อย่างไรก็ดี หมวกนิรภัยจะสามารถช่วยปกป้องการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ก็ต่อเมื่อผู้ปฏิบัติงานสวมใส่อย่างถูกต้อง
การบาดเจ็บที่ศีรษะสามารถหลีกเลี่ยงได้หากมีการเลือกใช้และดูแลรักษาหมวกนิรภัยอย่างเหมาะสม แต่ยังมีผู้ปฏิบัติงานจำนวนมากที่ไม่สวมหมวกนิรภัยขณะทำงาน อันเนื่องมาจาก หมวกนิรภัยสวมใส่ไม่สบาย หรือไม่อยากใส่เองเพราะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับหมวกนิรภัยมาผิด ๆ นอกจากนี้ นายจ้างบางรายไม่ได้จัดหาหรือมีมาตรการให้พนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานสวมใส่หมวกนิรภัย ประโยชน์ของการสวมใส่หมวกนิรภัย มีดังนี้
- ช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะ: หมวกนิรภัยเป็นหมวกที่มีลักษณะแข็ง (Hard Hat) ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ปฏิบัติงานในสถานที่เสี่ยงต่อการเกิดการบาดเจ็บทะลุศีรษะ (Injury Penetration) การบาดเจ็บจากกระแสไฟฟ้า (Electric Injury) และช่วยลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ จากวัตถุที่ร่วงหล่นหรือลอยมาโดนศีรษะ
- ช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่เกิดจากการลื่นไถลหรือหกล้ม: การสวมใส่หมวกนิรภัยขณะทำงานในโรงงานผลิตสินค้าประเภทของเหลวจะช่วยลดการบาดเจ็บที่ศีรษะลง หากผู้ปฏิบัติงานลื่นล้มในสถานที่ทำงานเพราะเป็นสถานที่เปียก
- ช่วยเพิ่มโอกาสรอดจากอุบัติเหตุ: ในขณะปฏิบัติงานอาจต้องเผชิญกับอุบัติเหตุ เช่น การเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนหรือส่วนประกอบขนาดใหญ่ หรือเกิดข้อผิดพลาดในการดูแลชิ้นส่วนงานขนาดใหญ่และร่วงหล่นสู่พื้น ในกรณีเช่นนี้ หมวกนิรภัยจะช่วยลดการบาดเจ็บจากสถานการณ์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
- ช่วยให้การมองเห็นผู้ปฏิบัติงานง่ายขึ้น: เนื่องจากหมวกนิรภัยมีหลายสีและเป็นสีที่สว่างสดใส ดังนั้น การสวมหมวกนิรภัยจะช่วยให้มองเห็นผู้ปฏิบัติงานรวมถึงผู้อื่นที่อยู่ในสถานที่ทำงานได้อย่างง่ายขึ้นทั้งในกลางวันและกลางคืน สีของหมวกนิรภัยยังช่วยแยกว่าใครเป็นใครในสถานที่ทำงาน เช่น ผู้มาเยี่ยมชม (Visitors) ผู้บริหารหรือวิศวกร เป็นต้น
- ช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดด: สำหรับผู้ที่ต้องปฏิบัติงานกลางแจ้ง เช่น ไซต์ก่อสร้างต่าง ๆ ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะต้องเผชิญกับแสงแดดในช่วงกลางวัน การสวมใส่หมวกนิรภัยจะช่วยป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายกับร่างกายได้ และยังช่วยลดโอกาสการเกิดโรคลมแดด (Heatstroke) หรืออาการอ่อนเพลียได้ (Fatigue)
ใครบ้างที่ต้องสวมใส่หมวกนิรภัย: การสวมใส่หมวกนิรภัยไม่ได้จำกัดอยู่ที่ผู้ที่ทำงานตามสถานที่ก่อสร้างหรือไซต์ก่อสร้าง รวมถึงโรงงานต่าง ๆ สามารถแบ่งกลุ่มของผู้ที่ต้องสวมใส่หมวกนิรภัยในขณะทำงาน 5 กลุ่มตามประเภทของการทำงาน ดังนี้
- งานทั่วไป: ผู้ที่ทำงานในสถานที่ก่อสร้างไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ทุกประเภท โรงงานอุตสาหกรรม งานติดตั้งท่อ พนักงานขนส่งสินค้า ช่างไม้ และรุกขกรหรือหมอต้นไม้ คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแล เยียวยาและรักษาต้นไม้ตามที่ต่าง ๆ (งานกลุ่มนี้สามารถใช้หมวกนิรภัยที่ผลิตจากพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาสได้)
- งานที่เกี่ยวข้องกับกระแสไฟฟ้า: เช่น ช่างไฟฟ้า และช่างเดินสายไฟ (สามารถใช้หมวกนิรภัยที่ผลิตจากพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาสได้)
- งานที่ต้องทำในบริเวณที่มีความร้อน: ช่างเชื่อมหรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการขุดเจาะน้ำมัน (ต้องเลือกหมวกนิรภัยที่ผลิตจากวัสดุโลหะ)
- งานที่ต้องทนต่อความร้อนสูง: ผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานดังเพลิง และงานเหมือง สามารถใช้หมวกนิรภัยที่ผลิตจากพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาสได้)
- กลุ่มอื่น ๆ นอกจากกลุ่มอาชีพที่กล่าวไปข้างต้น ยังมีบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้ทำงานในสถานที่ก่อสร้างหรือโรงงาน แต่ชื่นชอบการซ่อมแซมบ้านด้วยตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องปีนขึ้นบนที่สูงของบ้าน ควรหาหมวกนิรภัยไว้สวมใส่เมื่อต้องซ่อมแซมหรือปรับปรุงบ้าน อาจมีสิ่งของหรือวัตถุบางอย่างตกหล่นใส่ศีรษะ หรืออาจพลาดร่วงหล่นลงสู่พื้นได้ รวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้างขนาดเล็ก หรือเจ้าของโครงการบ้านสำเร็จรูป รวมไปถึงช่างที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างควรมีหมวกนิรภัยสวมใส่ขณะทำงานเพื่อความปลอดภัยของศีรษะ สำหรับผู้ที่ต้องการตัดต้นไม้ที่อยู่ภายในบ้านด้วยตนเอง นอกจากจะต้องมีบันไดก่อสร้างแล้ว ยังต้องสวมใส่หมวกนิรภัยเช่นกัน
ทำไมหมวกนิรภัยมีหลายสี: เนื่องจากหมวกนิรภัยที่วางขายตามร้านวัสดุก่อสร้างท้องถิ่นหรือรูปแบบเดิม (Traditional Stores) ร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ (Modern Trade) รวมถึงร้านที่ขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย จะมีหมวกนิรภัยให้เลือกซื้อทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีขาว สีน้ำเงิน สีเหลือง สีเขียว สีแดงหรือสีส้ม สีน้ำตาลและสีเทา (5 สีแรกจะได้รับความนิยมนำไปใช้มากที่สุด) อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถเลือกซื้อสีของหมวกนิรภัยได้ตามอำเภอใจหรือเลือกซื้อสำหรับสวมใส่ตามความมงคลของสี เพราะนอกจากความสวยงามและสร้างความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในสถานที่ทำงานแล้ว หมวกนิรภัยแต่ละสีได้ถูกกำหนดให้ใช้กับประเภทของตำแหน่งและอาชีพ ดังนี้
- หมวกนิรภัยสีขาว: เป็นสีหมวกนิรภัยที่กำหนดให้เฉพาะผู้ที่ประกอบอาชีพวิศวกร ผู้บริหาร และหัวหน้างาน นอกจากนี้ในบางองค์กรหรือหน่วยงานจะอนุญาตให้ผู้มาเยี่ยมชม (Visitors) สวมใส่หมวกนิรภัยสีขาว
- หมวกนิรภัยสีน้ำเงิน/สีฟ้า: กำหนดให้ผู้ที่ประกอบอาชีพช่างไฟฟ้า ช่างไม้ และเจ้าหน้าที่เทคนิคอื่น ๆ สวมใส่หมวกนิรภัยสีนี้
- หมวกนิรภัยสีเหลือง: เป็นสีหมวกนิรภัยสำหรับพนักงานระดับปฏิบัติการ รวมถึงพนักงานทั่วไป
- หมวกนิรภัยสีเขียว: กำหนดให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย หรือจป.สวมใส่ เพราะสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ที่คนทั่วไปรับรู้ว่าเป็นสีที่แสดงถึงความรู้สึกปลอดภัย ดังนั้นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยต้องสวมใส่หมวกนิรภัยสีเขียว
- หมวกนิรภัยสีแดงหรือสีส้ม: สำหรับเจ้าหน้าที่งานดับเพลิง ช่างเชื่อม (Welders) และผู้ที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับความร้อนและประกายไฟ
- หมวกนิรภัยสีน้ำตาล: หมวกนิรภัยสีน้ำจะกำหนดให้ช่างเชื่อมหรือคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับความร้อนสวมใส่ ซึ่งบางองค์กรหรือหน่วยงานใช้หมวกนิรภัยสีน้ำตาลนี้
- หมวกนิรภัยสีเทา: เป็นหมวกนิรภัยที่บางโรงงานหรือบางองค์กรนำมาใช้กับผู้มาเยี่ยมชม (Visitors) เพื่อให้มีความแตกต่างจากสีหมวกนิรภัยของผู้บริหารนั่นเอง
การเลือกซื้อและดูแลรักษาหมวกนิรภัยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับใช้งาน:
เมื่อทราบถึงความสำคัญของการสวมใส่หมวกนิรภัยในขณะทำงานในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บที่ศีรษะไปแล้ว การเลือกใช้และดูแลรักษาหมวกนิรภัยให้เกิดประสิทธิภาพและเหมาะสมเป็นเรื่องที่ควรรู้เช่นกัน
- ควรเลือกหมวกนิรภัยที่พอดีกับการสวมใส่: หนึ่งในสาเหตุของอาการบาดเจ็บที่ศีรษะเป็นผลมาจากการไม่ยอมสวมหมวกนิรภัยขณะทำงาน เนื่องจากหมวกนิรภัยอาจไม่พอดีหรือสวมใส่ไม่สบาย ควรทดลองหรือสอบถามผู้ขายเกี่ยวกับรายละเอียดของหมวกนิรภัยก่อน เพราะผู้ขายสามารถให้ข้อมูลขนาดและรูปทรงของหมวกนิรภัยที่จำหน่ายเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ควรเลือกสีของหมวกนิรภัยให้สอดคล้องกับลักษณะงานที่ทำเช่นกัน
(Tips: เมื่อสวมใส่หมวกนิรภัย อย่าเพิ่งปรับสายรัดคาง ให้ขยับหมวกนิรภัยก่อนเพื่อหาจุดหรือตำแหน่งที่สวมใส่หมวกนิรภัยแล้วรู้สึกกระชับหรือแนบแน่นกับศีรษะ หากผิวหนังเกิดการถลอกขึ้น หมายความว่า ไม่ได้มีการปรับหมวกนิรภัยให้เหมาะสมกับการสวมใส่)
- สายรัดคางสามารถปรับได้ดี: เมื่อหาตำแหน่งสวมใส่หมวกนิรภัยได้แล้ว ถัดไปคือการปรับสายรัดคาง สายรัดคางของหมวกนิรภัยต้องปรับได้เป็นอย่างดี ควรปรับหรือดึงสายรัดคางให้แน่นแต่ไม่แน่นจนเกิดไป ขณะสวมใส่หมวกนิรภัยควรปรับสายรัดคางอยู่เสมอเพื่อรักษาสมดุลระหว่างศีรษะกับหมวกนิรภัย และหมั่นตรวจสอบสายรัดคางให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน สายรัดคางต้องไม่หลุดลุ่ยหรือขาดรุ่งริ่ง
- ควรตรวจความพร้อมของหมวกนิรภัยก่อนการใช้งาน: ก่อนการสวมใส่หมวกนิรภัยทุกครั้ง ให้ตรวจเช็คสภาพเปลือกนอกของหมวกนิรภัยมีรอยแตกหรือไม่ หากมีรอยแตกหรือรอยแตกเป็นแผ่นสามารถเป็นปัญหาได้เหมือนกัน เมื่อหมวกนิรภัยเสื่อมสภาพ เช่น มีรอยแตก หรือผิวเปลือกนอกเป็นฝุ่นผงเนื่องจากตากแดดเป็นเวลานาน หากถูกทุบ กระแทก หรือเคาะอย่างแรง จะทำให้หมวกนิรภัยแตกได้
- ดูแลและรักษาหมวกนิรภัยอย่างเหมาะสม: ควรดูแลทำความสะอาดหมวกนิรภัยด้วยสบู่ที่อ่อนโยน (Mild Soap) และน้ำอุ่น ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำความสะอาดหมวกนิรภัย ควรเก็บหมวกนิรภัยให้ห่างจากสิ่งปนเปื้อน หรือสิ่งสกปรกที่สามารถทำลายหมวกนิรภัยได้ และควรเก็บหมวกนิรภัยให้พ้นแสงแดดและความร้อน แสงแดดและความร้อนเป็นอันตรายต่อเปลือกนอกของหมวกนิรภัย
- ควรเปลี่ยนหมวกนิรภัยใหม่เมื่อไหร่: แม้ว่าหมวกนิรภัยจะมีความแข็งแรงทนทาน ใช้ป้องกันอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ซื้อหมวกนิรภัยมาหนึ่งใบแล้วจะใช้ไปตลอดชีวิต เมื่อใช้หมวกนิรภัยไประยะเวลาหนึ่ง หมวกนิรภัยจะเริ่มสึกหรอหรือเสื่อมสภาพ จะต้องมีการเปลี่ยนหมวกใบใหม่ โดยเฉลี่ยหมวกนิรภัยจะมีอายุการใช้งานประมาณ 2 – 5 ปี
สรุป:
หมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์หรือไอเท็มสำหรับความปลอดภัยที่ปกป้องอันตราย อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่ศีรษะของมนุษย์ อันเนื่องมาจากการทำงานในสถานที่ที่มีความเสี่ยง เช่น ไซต์ก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น เพราะอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่ศีรษะ คือ สาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตหรือความพิการที่เกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติงานมากที่สุด ดังนั้น นายจ้างหรือผู้ที่รับผิดชอบดูแลสวัสดิภาพของพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ ทั้งนี้ การเลือกสีหมวกนิรภัยต้องสอดคล้องกับหน้าที่หรืออาชีพของงาน เพราะสีของหมวกนิรภัยจะทำหน้าที่บอกว่าใครทำหน้าที่อะไรในที่ทำงาน นอกจากนี้ อาชีพบางประเภทจะต้องใช้หมวกนิรภัยที่ผลิตจากโลหะ ควรสอบถามข้อมูลจากผู้ขายเมื่อต้องการซื้อหมวกนิรภัยก่อนเสมอ
ที่เฮียบฮกออนไลน์ เรามีหมวกนิรภัย/หมวกวิศวะ/หมวกเซฟตี้/หมวกช่างก่อสร้าง (Safety Helmet) จำหน่ายหลายสีตามความต้องตำแหน่งและหน้าที่ในสถานที่ทำงานหรือองค์กร ได้แก่ สีแดง สีฟ้า สีเหลือง สีขาว สีเขียว สีส้ม และสีน้ำเงิน
หมวกนิรภัยพร้อมจำหน่าย 1 ชุด จะมาพร้อมกับตัวหมวกและไส้หมวก
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเครื่องมือช่าง อุปกรณ์ก่อสร้างทั่วไป รวมถึงเครื่องมือทางการเกษตร
สามารถสอบถามแอดมินร้านเฮียบฮกออนไลน์ได้เลยทันที
เฮียบฮกออนไลน์ยินดีตอบคำถามและให้คำปรึกษาเรื่องเครื่องมือช่าง
โทรศัพท์: 0956549462 และ 0626463545
Facebook: Heabhok
Line: @heabhok (พิมพ์@ด้วยน้า)
Thanks for thr great article!
It is very comforting to see that others are suffering from the same problem as you, wow!
Thank you so much!
Thank you so much!
Thanks for thr great article!
Thanks for thr great article!