สว่าน…เครื่องมือช่างที่ต้องมีติดบ้าน!

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสว่าน และการเลือกซื้อสว่านให้เหมาะกับงาน

            สว่าน (Drill) คือ เครื่องมือหรืออุปกรณ์พื้นฐานสำหรับช่างหรืองานช่างต่าง ๆ  สว่านผลิตขึ้นเพื่องานเจาะรู เช่น งานเจาะรูวัสดุไม้ วัสดุโลหะ วัสดุอลูมิเนียม รวมถึงคอนกรีตหรือปูน เป็นต้น สว่านยังถูกออกแบบมาให้ใช้กับงานกระแทกวัตถุโดยไม่ต้องออกแรง ช่วยประหยัดเวลา และยังเป็นเครื่องมือช่างสำหรับประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ  เข้าด้วยกันโดยการไขสกรูหรือถอดส่วนประกอบต่าง ๆ ออกจากกันด้วยการคลายสกรู หรือขันน็อต โดยทั่วไปสว่านจะมีลักษณะคล้ายกับปืน กล่าวคือ สว่านจะมีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน ได้แก่ กระบอกสว่าน และด้ามจับสว่าน ส่วนปลายกระบอกสว่านหรือปากสว่านทำหน้าที่ยึดดอกสว่านเพื่อหมุนเจาะวัสดุหรืองานต่าง ๆ ให้เป็นรู (หากซื้อสว่านแล้ว จะต้องซื้อดอกสว่านด้วย ขาดไม่ได้ เพราะต้องใช้งานร่วมกัน ประเภทของดอกสว่าน และการเลือกใช้ดอกสว่านให้เหมาะกับงาน

สว่านมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

            หากไปเดินตามร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไป หรือแม้แต่เลือกซื้อสว่านผ่านช่องทางออนไลน์ของร้าน จะเห็นได้ว่าสว่านมีหลากหลายหน้าตาและหลายประเภท สว่านที่วางขายทั่วไปจะมีอยู่ 5 ประเภท ได้แก่ สว่านไฟฟ้า สว่านกระแทก สว่านโรตารี่ สว่านไร้สาย และสว่านไขขวงไฟฟ้า

1. สว่านไฟฟ้า (Electric Drill)

              สว่านประเภทนี้จะเป็นสว่านที่ต้องใช้ระบบไฟฟ้าในการทำงาน (ตามชื่อของสว่าน) และมีกำลังไฟฟ้าประมาณ 300 – 500 วัตต์ เป็นสว่านที่มีน้ำหนักเบาเวลาจับ ถือหรือใช้งาน เป็นสว่านที่ได้รับความนิยมนำมาใช้งาน มีขนาดกะทัดรัด เหมาะมือและใช้งานได้อย่างคล่องตัว พกพาง่าย สามารถใช้งานได้เป็นเวลานาน

            คุณสมบัติ: สามารถเจาะบนพื้นผิวได้เกือบทุกชนิด ยกเว้นพื้นผิวปูน อิฐและหิน สว่านไฟฟ้ามีหลายขนาด ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ทั้งนี้สว่านไฟฟ้าสามารถไขหรือคลายสกรู ประกอบชิ้นงาน รวมไปถึงซ่อมแซมชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้

2. สว่านกระแทกไฟฟ้า (Impact Drill)

             “สว่านกระแทก” คือสว่านที่มีรูปทรงภายนอกและฟังก์ชันการทำงานคล้ายกับสว่านไฟฟ้า มีความแข็งแรง ขนาดกะทัดรัด สามารถกระแทกและเจาะพื้นผิววัสดุในเวลาเดียวกัน โดยส่งแรงกระแทกไปตามทิศทางของงานพร้อมกับหมุนดอกสว่านเพื่อกระแทกและเจาะพื้นผิววัสดุ ความแตกต่างระหว่างสว่านไฟฟ้ากับสว่านกระแทก คือ สว่านกระแทกมีกำลัง

ไฟสูงกว่าหรือประมาณ 550 – 720 วัตต์ สามารถเจาะวัสดุได้หลากหลายชนิดมากกว่า เช่น เจาะพื้นผิวปูนฉาบ หรือเจาะพื้นผิวปูนซีเมนต์ สว่านกระแทกสามารถใช้ไขหรือคลายสกรูได้เช่นกัน เพราะปรับซ้าย-ขวาได้ หรือหมุนดอกสว่านได้สองทาง ทั้งนี้ สว่านกระแทกสามารถแบ่งย่อยได้อีก 2 ระบบ คือ ระบบธรรมดาหรือระบบเจาะ และระบบกระแทก (เป็นระบบที่มีกลไกลการทำงานคล้ายกับค้อนสำหรับกระแทกปูนขณะเจาะ)

            คุณสมบัติ: สามารถเจาะและกระแทกพื้นผิววัสดุทั่วไป เช่น แผ่นเหล็ก แผ่นพลากสติก แผ่นไม้ และพื้นผิววัสดุหนาหรืองานที่ผลิตจากวัสดุหนัก เช่น ปูนฉาบ และปูนซีเมนต์

3. สว่านโรตารี่ (Rotary Hammer Drill)

            “สว่านโรตารี่” หรือ “สว่านเจาะกระแทก”เป็นสว่านที่ผลิตขึ้นสำหรับงานเจาะพื้นผิววัสดุหนัก เช่น พื้นผิวคอนกรีต พื้นผิวหิน พื้นผิวไม้ หรือพื้นผิวเหล็ก เป็นต้น (มักนิยมนำไปใช้กับงานเจาะปูนโดยเฉพาะ) เจาะได้ทั้งผนังและพื้น มีกำลังไฟฟ้าสูงกว่าสว่านประเภทอื่นหรือประมาณ 650 วัตต์ ขึ้นไป จุดเด่นของสว่านประเภทนี้ คือ ออกแรงน้อยเมื่อใช้งานหรือช่วยทุ่นแรง แต่มีน้ำหนักมาก ผู้ใช้งานต้องมีความชำนาญในการใช้งานสว่านโรตารี่หรือสว่านเจาะกระแทก เหมาะกับช่างอาชีพมากกว่า สว่านโรตารี่ยังมีอีก 2 ประเภทย่อยให้เลือกใช้งาน ได้แก่ สว่านโรตารี่ 2 ระบบ (สว่านที่มีฟังก์ชันการทำงาน 2 ระบบ ได้แก่ ระบบเจาะ และระบบกระแทก มีขนาดเล็ก กำลังไฟฟ้าไม่สูง ใช้งานทั่วไป) และสว่านโรตารี่ 3 ระบบ (สว่านที่มีฟังก์ชันการทำงาน 3 ระบบ ได้แก่ ระบบเจาะ ระบบเจาะกระแทก และระบบสกัด ระบบสกัดจะทำหน้าที่สกัดหน้าปูน สร้างแรงกระแทกสูง สามารถเจาะหรือสกัดปูนได้อย่างรวดเร็ว)

              คุณสมบัติ: เป็นสว่านที่ออกแบบมาใช้งานกับคอนกรีตโดยเฉพาะ สามารถเจาะและกระแทกผนังและพื้นคอนกรีตที่แข็งมาก ๆ รวมถึงพื้นผิวหิน พื้นผิวไม้ หรือพื้นผิว

4. สว่านไร้สาย (Cordless Drill)

                “สว่านไร้สาย” มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “สว่านแบตเตอรี่” (เพราะเป็นสว่านที่ผลิตขึ้นโดยไม่ใช้ไฟฟ้าในการทำงาน แต่ใช้แบตเตอรี่แทน เช่น การทำงานบนที่สูง หรืองานนอกสถานที่) เป็นสว่านที่สามารถใช้เจาะหรือขันน็อตหรือสกรูได้ สว่านไร้สายสามารถเจาะพื้นผิวไม้ พื้นผิวเหล็ก และพื้นผิวอลูมิเนียมได้เช่นกัน สว่านไร้สายเป็นสว่านอีกประเภทที่นิยมนำมาใช้งาน ข้อดีของสว่านประเภทนี้ คือ สามารถนำไปใช้ในที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึงหรือไม่สะดวกต่อกับสายไฟฟ้า สำหรับแบตเตอรี่ที่ใช้กับสว่านไร้สายมี 2 ชนิด คือ แบตเตอรี่ธรรมดา และแบตเตอรี่ลิเธียม สว่านไร้สายยังมีอีก 3 ประเภทย่อย ได้แก่ สว่านธรรมดา (ใช้เจาะพื้นผิวไม้ พื้นผิวเหล็ก และพื้นผิวอลูมิเนียม) สว่านโรตารี่ (มักนำไปใช้ขันน็อตหรือสกรูสำหรับประกอบเฟอร์นิเจอร์) และสว่านกระแทก (สำหรับใช้เจาะพื้นผิวปูนหรือคอนกรีต และอิฐ) ข้อด้อยของสว่านประเภทนี้ คือ อายุการใช้งานจะสั้นกว่าสว่านประเภทอื่น ๆ หากเก็บไว้เฉย ๆ หรือไม่ได้ชาร์จไฟเป็นเวลานาน หรือไม่ได้กระตุ้นแบตเตอรี่ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

                คุณสมบัติ: ถูกออกแบบมาให้ใช้งานในสถานที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง เช่น ที่สูง หรืองานนอกสถานที่ และนำไปใช้งานได้ทุกที่ สามารถเจาะงานไม้ งานวัสดุโลหะ ไขหรือคลายสกรูได้

5. สว่านไขขวงไฟฟ้า (Screwdriver Drill)   

               สว่านไขขวงไฟฟ้าเป็นสว่านที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกับไขควงธรรมดาทั่วไป ใช้ไขหรือคลายสกรู รวมถึงน็อต และยังสามารถใช้กับงานเจาะเบา ๆ ความแตกต่างระหว่างสว่านไขขวงไฟฟ้ากับไขขวง คือ เมื่อใช้งานสว่านในการไขหรือคลายสกรู ผู้ใช้ไม่ต้องออกแรงหมุนสว่านไขขวงไฟฟ้าด้วยตัวเอง แต่จะมีมอเตอร์หมุนให้แทน แรงบิดของสว่านช่วยปรับทิศทางการหมุนซ้ายหรือขวา ทำให้เข้าหรือออกได้ง่ายกว่าไขควงทั่วไป สว่านไขขวงไฟฟ้าจะมีแบบใช้แบตเตอรี่และใช้ถ่าน

              คุณสมบัติ: สามารถถอดเปลี่ยนดอกสว่านได้หลายประเภทและขนาดตามความต้องการ เหมาะกับการใช้ขันสกรูหรือน็อตชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ ชั้นวางของ งานตกแต่ง งานในที่แคบ งานซ่อมบำรุงทั่วไป การกวนผสมสี

Tips: การใช้งานสว่านให้ปลอดภัย

                ไม่ว่าจะเป็นสว่านประเภทใดก็ตาม ก่อนการใช้งานทุกครั้งต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสว่านอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายไฟ หากสายไฟมีรอยถลอก ไม่ควรใช้สว่านนั้น ๆ เพราะเสี่ยงที่ไฟฟ้ารั่วไหลได้ นอกจากนี้ ต้องแต่งกายให้รัดกุม ไม่สวมใส่เครื่องประดับบริเวณมือ มีอุปกรณ์ป้องกันภัยขณะใช้งานสว่าน ได้แก่ หน้ากากปิดจมูก ถุงมือ และแว่นตาที่สามารถป้องกันฝุ่นละออก เศษวัสดุหรือสะเก็ดไฟที่อาจเป็นอันตราย ควรขันดอกสว่านให้แน่น โดยที่ดอกสว่านไม่แกว่งหรือเคลื่อนที่ขณะใช้งาน

              สิ่งสำคัญอีกประการสำหรับการใช้งานสว่านให้ปลอดภัย คือ การใช้ดอกสว่านให้ตรงกับลักษณะงาน เพราะการใช้ดอกสว่านที่ตรงกับลักษณะงานจะทำให้งานออกมาสวยงามและมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่หากเลือกใช้ดอกสว่านที่ไม่ตรงกับงาน อาจสร้างความเสียหายให้กับงานได้ (และเป็นการถนอมสว่านไปในตัว)