หากกล่าวถึงสว่านแล้วจะไม่พูดถึงดอกสว่านคงเป็นไปไม่ได้ เพราะสองสิ่งนี้เป็นเครื่องมือช่างและอุปกรณ์พื้นฐานที่ต้องใช้คู่กันหรือร่วมกันอยู่เสมอ หากใครที่กำลังมองหาหรือต้องการซื้อสว่านไว้เป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานติดบ้าน แนะนำว่าให้ซื้อดอกสว่านสำหรับใช้งานคู่กับสว่านไปพร้อมกัน ดอกสว่านที่ขายตามท้องตลาดมีมากมายหลากหลายหน้าตาและรูปทรง ผู้ที่ต้องการซื้อสว่านรวมไปถึงดอกสว่าน จำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจในการเลือกซื้อและใช้ดอกสว่านให้สอดคล้องกับชิ้นงานและตัวสว่าน
เฮียบฮกออนไลน์ขอแบ่งปันความรู้พื้นฐานที่เกี่ยวข้องสำหรับการเลือกซื้อดอกสว่านที่เหมาะกับตัวสว่านและตอบโจทย์การใช้งาน หากเลือกใช้งานดอกสว่านไม่ตรงกับตัวสว่านรวมไปถึงวัตถุประสงค์การใช้งานอาจส่งผลให้งานเสียหายและเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้งานได้
ควรเลือกดอกสว่านอย่างไรให้เหมาะสมและตรงกับการใช้งาน
ดอกสว่าน คืออะไร ดอกสว่าน หรือ Drill Bit หมายถึง เครื่องมือตัดชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่เจาะพื้นผิวต่าง ๆ ให้เป็นรูสำหรับใส่สกรูหรือน็อตเพื่อการยึดเกาะสิ่งของหรือวัตถุต่าง ๆ ให้อยู่กับที่อย่างแน่นหนา ดอกสว่านจะช่วยให้การเจาะรูได้มาตรฐานและเที่ยงตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นผิวของชิ้นงานที่เหนียวหรือมีความแข็งแรง ดอกสว่านเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ควบคู่กับเครื่องสว่านหรือตัวสว่าน (Drill) โดยทั่วไปดอกสว่านจะมีส่วนประกอบหลัก 4 ส่วน ได้แก่ ก้านดอกสว่าน (Shank) ลำตัว (Body) ปลายจิกดอกสว่าน (Cutting Lip) และกั่นดอกสว่าน (Tang)
ก้านดอกสว่าน (Shank): เป็นส่วนที่ต้องรับกำลังหมุนจากเพลาเครื่องสว่าน มี 2 แบบ คือ ก้านตรง (มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 16 มม.) และก้านเรียว (มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 52 มม.)
ลำตัวดอกสว่าน (Body): แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ขอบคม (Margin) สันคม (Land) และร่องคายเศษ (Flutes) ลำตัวของดอกสว่าน มีลักษณะเป็นเกลียวบิดโค้งไปทางขวา มีร่องทำหน้าที่คายเศษ และสันคม สำหรับขูดผิวงานให้เรียบ ยิ่งดอกสว่านมีร่องคายเศษใหญ่มากเท่าใด ยิ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพให้กับคมตัด (Lip) มากเท่านั้น
ปลายจิกดอก (Cutting Lip): หรือส่วนปลายของดอกสว่าน ทำหน้าที่นำเจาะพื้นผิววัสดุของชิ้นงาน มี 3 ส่วน คือ หน้าคมตัด (ตัดเศษ) ผิวฟรี (ผิวหน้าตัดทั้งหมดอยู่หลังคมตัด) และคมขวาง (ความหนาของแกนดอกสว่านและการลับมุมหลบ)
กั่นดอกสว่าน (Tang): จะมีเฉพาะดอกสว่านก้านเรียว ทำหน้าที่ขัดตัวกับร่องในเพลาสว่านเพื่อรับกำลังหมุน
ดอกสว่านมีกี่ประเภท ดอกสว่านที่ขายตามร้านวัสดุก่อสร้างจะมีหลากหลายหน้าตาและความยาว เนื่องจากดอกสว่านแต่ละประเภทจะถูกผลิตมาให้ใช้งานแตกต่างกันตามประเภทของพื้นผิวที่ต้องการนำไปใช้งาน นอกจากนี้ ดอกสว่านยังมีหลายขนาดให้เลือกใช้งาน ขึ้นอยู่กับความลึกของงานที่ต้องการ มีรายละเอียด ดังนี้
ดอกสว่านเจาะปูนหรือคอนกรีต: ดอกสว่านประเภทนี้จะถูกออกแบบมาเป็นเกลียวบิด ปลายดอกเป็นเหล็กชุบแข็งพิเศษสำหรับรองรับแรงกระแทกจากการทำงาน คุณสมบัติของดอกสว่านเจาะปูนหรือคอนกรีตนี้สามารถเจาะปูนซีเมนต์ บล็อก หรืออิฐ ส่วนหัวเจาะผลิตจากทังสเตนคาร์ไบด์ ส่วนอื่น ๆ ของดอกสว่านจะผลิตด้วยโลหะที่อ่อนกว่าส่วนหัวเจาะ ดอกสว่านเจาะปูนหรือคอนกรีตยังมีประเภทย่อยอีก 3 ประเภท ได้แก่ ดอกสว่านเจาะคอนกรีตก้านกลม ดอกสว่านโรตารี่ และดอกสว่านโฮลซอว์เจาะคอนกรีต โดยที่ดอกสว่านเจาะคอนกรีตก้านกลมจะใช้กับการเจาะรูคอนกรีตหรือปูนเพื่อติดตั้งตัวยึด เช่น พุกเหล็ก พุกพลาสติก ใช้กับสว่านกระแทกได้ทุกรุ่น ดอกสว่านโรตารี่ มีคุณสมบัติที่สามารถเจาะคอนกรีตเสริมเหล็ก แผ่นตระแกรงเหล็ก และหินได้อย่างทะลุทะลวง และดอกสว่านโฮลซอว์สำหรับเจาะรูคอนกรีตเพื่อให้ท่อหรือวัสดุต่าง ๆ ลอดผ่านรูได้ใช้คู่กับสว่านโรตารี่
ดอกสว่านเจาะเหล็ก: มีลักษณะเป็นเกลียวตัดตลอด มีปลายแหลมใช้ในการจิกงาน สามารถเจาะวัสดุเนื้อแข็ง เหล็ก อลูมิเนียม และวัสดุเนื้ออ่อน รวมไปถึงงานไม้ โลหะและพลาสติก ดอกสว่านเจาะเหล็กยังมีอีกหลายชนิดตามประเภทวัสดุเหล็กที่นำมาผลิต และมีคุณสมบัติสำหรับการนำไปใช้แตกต่างกัน
ดอกสว่านเจาะไม้: ดอกสว่านประเภทนี้จะมีปลายดอกคล้ายกับหางปลาและส่วนปลายดอกจะแหลมเป็นหัวเกสรช่วยในการนำศูนย์เจาะ มีขนาดที่นิยมใช้งาน ได้แก่ ดอกสว่านขนาด 5, 6, 8 หรือ 10 มิลลิเมตร คุณสมบัติ คือ สามารถเจาะเนื้อวัสดุงานไม้ที่ไม่กว้างมากนัก ส่วนประกอบต่าง ๆ ของชิ้นงานหรือบ้าน เช่น จุดใส่บานพับ และหน้าต่าง ดอกสว่านประเภทนี้มักผลิตจากเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ จึงมีคุณสมบัติไม่ทนต่อความร้อนและแรงเสียดทาน
ดอกสว่านเจาะกระเบื้อง: เป็นดอกสว่านที่มีลักษณะเหมือนลูกศร สามารถสังเกตได้โดยง่าย ผลิตขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้กับกระเบื้องเซรามิคและแก้ว มีราคาสูง ดอกสว่านเจาะกระเบื้องต้องใช้คู่กับสว่านไฟฟ้าความเร็วต่ำหรือสว่านแบตเตอรี่ (สว่านไร้สาย) เนื่องจากควบคุมความเร็วได้ง่ายกว่า ช่วยจัดการแรงกดและป้องกันไม่ให้กระเบื้องแตก (กระเบื้องเซรามิคมีราคาแพงมาก)
ดอกสว่านทรงเจดีย์: ผลิตมาเพื่อเจาะไม้ (บางยี่ห้อสามารถใช้ได้กับพลาสติก ไฟเบอร์กลาส อะลูมิเนียม เหล็ก) ปลายดอกสว่านจะเคลือบเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานและความแข็งแรง ทั้งนี้ดอกสว่านเจดีย์สามารถเจาะปูนหรืองานทั่วไปได้ โดยทั่วไปดอกสว่านทรงเจดีย์จะถูกนำมาใช้ในการขยายความกว้างของรูชิ้นงานหรือวัสดุ
วัสดุที่นิยมนำมาผลิตดอกสว่านมีอะไรบ้าง และทำไมดอกสว่านมีหลายสี
วัสดุที่นิยมนำมาผลิตดอกสว่านจะแบ่งออก 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มวัสดุประเภทเหล็กกล้า (Steel) และกลุ่มวัสดุประเภทอื่น ๆ (Other Types of Materials) ทั้งนี้วัสดุที่นำมาผลิตดอกสว่านจะส่งผลให้ดอกสว่านมีหลายสี วัสดุประเภทเหล็กกล้าที่นิยมนำมาผลิตดอกสว่าน มีดังนี้
เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Steel): เป็นวัสดุที่ใช้ผลิตดอกสว่านเจาะไม้และพลากสติกอ่อนเป็นส่วนใหญ่ มีสีดำ ราคาไม่แพง ความคมของดอกสว่านที่ผลิตจากเหล็กคาร์บอนต่ำจะไม่ยาวนานและทื่อง่าย เหมาะสำหรับเจาะไม้เนื้ออ่อนมากกว่าไม้เนื้อแข็ง ดอกสว่านที่ผลิตจากเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ ผู้ใช้จำเป็นต้องลับคมบ่อย
เหล็กกล้าคาร์บอนสูง (High Carbon Steel): ดอกสว่านที่ผลิตจากเหล็กกล้าคาร์บอนสูงจะมีสีดำ สามารถเจาะได้ทั้งไม้และเหล็ก (นิยมนำไปใช้กับไม้เนื้อแข็ง หรือพลาสติกและเหล็กที่ไม่หนามากนัก) หากใช้งานจนเกิดความร้อน จะส่งผลให้ส่วนคมของดอกสว่านอ่อนตัวลงและทำให้ความสามารถในการตัดลดลงตาม นอกจากนี้เหล็กคาร์บอนสูงจะมีความคงทนสูงกว่าเหล็กคาร์บอนต่ำ
เหล็กกล้าไฮสปีด (High Speed Steel หรือ HSS): เป็นวัสดุเหล็กกล้าที่นำมาใช้แทนเหล็กกล้าคาร์บอน มีสีเทาเงิน ปัจจุบันนิยมนำมาผลิตดอกสว่าน เหล็กกล้าไฮสปีดเป็นเหล็กกล้าสำหรับผลิตเครื่องมือโดยเฉพาะ (Cutting Tools) มีคุณสมบัติทนต่อความร้อน การเสียดสีกับอุณหภูมิสูง และมีความทนทานสูง สามารถเจาะเนื้อวัสดุได้รวดเร็วกว่าเหล็กกล้าคาร์บอน และนิยมนำไปใช้ร่วมกับกระบวนการเจาะขึ้นรูปด้วยเครื่องจักร CNC Drilling
เหล็กกล้าไฮสปีดเคลือบไทเทเนียม (Titanium Coated): เป็นวัสดุเหล็กกล้าที่มีคุณสมบัติสูงกว่าเหล็กกล้าไฮสปีด เช่น ทนความร้อนได้ดีกว่าและอายุการใช้งานยาวนานกว่า
เหล็กกล้าโคบอลต์ (Cobalt Steel): เป็นวัสดุเหล็กกล้าชนิดเดียวกับเหล็กกล้าไฮสปีดแต่มีธาตุโคบอลต์ในปริมาณที่สูงกว่าเหล็กกล้าไฮสปีด มีความคงทนและทนทานต่ออุณหภูมิที่สูงมาก ๆ เหมาะกับการนำไปเจาะวัสดุแข็ง ๆ เช่น เหล็กกล้าไร้สนิม หรือ Stainless Steel แต่มีความเปราะบางสูงกว่าเหล็กกล้าไฮสปีด
ทังสเตนคาร์ไบด์ (Tungsten Carbide): จัดอยู่ในกลุ่มวัสดุประเภทอื่น ๆ ที่นำมาผลิตดอกสว่าน เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงสูง มีสีเงิน คมตัดสามารถใช้งานได้ยาวนานเนื่องจากระบายความร้อนได้ดี แต่มีความเปราะบางสูงและแตกหักได้ง่ายกว่า นิยมนำไปใช้เจาะไฟเบอร์กลาสและโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก (Non-Ferrous Metals) ดอกสว่านที่ผลิตจากทังสเตนคาร์ไบด์จะมีราคาแพงกว่าดอกสว่านที่ผลิตด้วยเหล็กกล้าโคบอลต์ประมาณ 10 เท่า
โพลี่คริสตัลไลน์ ไดมอนด์ (Polycrystalline Diamond หรือ PCD): เป็นวัสดุที่ประกอบด้วยชั้นของละอองเพชรที่สึกกร่อนยากที่สุด ดอกสว่านที่ผลิตด้วยวัสดุชนิดนี้ จะถูกนำไปใช้เจาะเนื้องานที่มีความแข็ง เช่น แก้วหรือเซรามิค อย่างไรก็ดี ดอกสว่านที่ผลิตด้วยโพลี่คริสตัลไลน์ ไดมอนด์ ไม่สามารถเจาะเหล็กได้
การบอกขนาดของดอกสว่าน: สามารถทำได้หลายแบบ เช่น หน่วยมิลลิเมตร (เริ่มจาก 0.4 มม. – 36.5 มม.) หน่วยนิ้ว (เริ่มจาก 1/64 นิ้ว – 31/2 นิ้ว) หน่วยนัมเบอร์ (ตั้งแต่เบอร์ 1 – 80 โดยที่เบอร์ 1 = 0.2280 นิ้ว และเบอร์ 80 = 0.0135 นิ้ว) และหน่วยตัวอักษร (ขนาด A – Z โดยที่ A จะมีขนาดเท่ากับ 0.234 นิ้ว และ Z มีขนาดเท่ากับ 0.413 นิ้ว)
Tips 1: เทคนิคการเลือกใช้มุมคมดอกสว่าน หากชิ้นงานที่ต้องการเจาะรูเป็นวัสดุ เช่น อลูมิเนียม ทองแดง พลาสติก ไฟเบอร์ หรือไม้ให้ทำมุมจิก 90 องศากับชิ้นงาน หรือเรียกว่ามุมแหลม มุมที่องศาระดับนี้จะช่วยให้เจาะได้เร็ว คายเศษได้ดีและมีระยะคมตัดยาวกว่า หากเป็นชิ้นงานที่เนื้อวัสดุเหนียวให้ทำมุมจิก 118 องศา จะช่วยให้เจาะได้เร็วยิ่งขึ้น สำหรับวัสดุเช่น สเตนเลส เหล็กเกรด หรือเหล็กแม่พิมพ์ให้ทำมุมจิก 135 องศา เนื่องจากวัสดุดังกล่าวเป็นวัสดุแข็งและเจาะยาก มีมุมเจาะใหญ่ ทำให้ระยะคมตัดสั้นลง เกิดเป็นความฝืดและความร้อนขึ้น แต่มั่นคงกว่า
Tips 2: เทคนิคการใช้ดอกสว่านให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดขณะทำงาน: ก่อนนำดอกสว่านไปใช้งานทุกครั้ง ต้องตรวจสอบปลายดอกสว่าน หากปลายดอกสว่านทื่อหรือไม่คม ต้องนำดอกสว่านไปลับคมก่อนการใช้งาน เพราะการใช้ดอกสว่านที่ปลายดอกทื่ออาจทำให้ดอกสว่านหักได้เมื่อเกิดความร้อนที่ตัวดอกสว่าน สำหรับการเจาะรูชิ้นงานที่ต้องการความแม่นยำมากเป็นพิเศษ ให้ใช้เหล็กนำศูนย์ตอกนำเป็นรอยบุ๋มเล็ก ๆ ตรงตำแหน่งของชิ้นงานที่ต้องการเจาะรูเพื่อป้องกันไม่ให้ดอกสว่านไถลออกนอกตำแหน่ง และต้องขันดอกสว่านให้แน่นทุกครั้งก่อนการใช้งาน (ขันด้วยกุญแจขันหัวสว่าน) หากไม่ขันดอกสว่านให้แน่นก่อนการใช้งาน จะทำให้ดอกสว่านหลุดกระเด็นออกมาหรือเจาะไม่เข้า (ดอกสว่านหลวม) วิธีทดสอบว่าดอกสว่านขันแน่นหรือไม่ ให้เปิดสวิตช์ให้สว่านหมุน หากปลายสว่านหมุนแกว่งไปมา ให้คลายดอกสว่านออกแล้วขันใหม่ เนื่องจากดอกสว่านเสียศูนย์ ในขณะใช้งานสว่านเพื่อเจาะรูต่าง ๆ จะมีฝุ่นหรือเศษวัสดุที่หลุดปลิวมาจากชิ้นงานซึ่งอาจเข้าตาได้ ดังนั้น ควรสวมแว่นตานิรภัยเพื่อป้องกันเศษวัสดุหรือฝุ่นผง นอกจากนี้ไม่ควรสวมนาฬิกาข้อมือเพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างทำงานได้ ต้องไม่สวมใส่เสื้อแขนยาว แต่งตัวให้รัดกุม
Tips 3: การดูและรักษาดอกสว่านให้มีอายุการใช้งานอย่างยาวนาน: สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการรักษาและยืดอายุการใช้งานดอกสว่านให้ยาวนาน คือ การเลือกประเภทดอกสว่านและขนาดให้เหมาะกับชิ้นงานที่ต้องการใช้ รวมไปถึงประเภทของสว่าน ต้องลับคมดอกสว่านอยู่เสมอ หากใช้งานดอกสว่านที่ไม่คมหรือทื่อ จะส่งผลให้เกิดความเสียหายได้โดยที่ดอกสว่านอาจหักหรือแตกออก เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ต้องถอดดอกสว่านออกจากเครื่องสว่านทุกครั้ง หลังจากนั้นหมุนหัวจับดอกสว่านให้เข้าที่ นำดอกสว่านมาทำความสะอาดเอาเศษเนื้องานหรือผงที่ติดอยู่กับดอกสว่านออกให้หมด และเก็บให้เรียบร้อย
สรุป:
การเลือกใช้ดอกสว่านและขนาดให้เหมาะสมและตรงกับงานนับเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่สุด เนื่องจากดอกสว่านแต่ละประเภทถูกผลิตขึ้นตามการใช้งานรวมไปถึงเป็นเครื่องมือช่างที่ต้องคู่กับเครื่องสว่านอยู่เสมอ
ที่เฮียบฮกออนไลน์ เรามีดอกสว่าน จำหน่าย ดังนี้
ดอกสว่านเจาะเหล็ก (ดอกเจาะเหล็ก) ยี่ห้อ SMIC
ดอกสว่านเจาะเหล็ก (ดอกเจาะเหล็ก) ยี่ห้อ MEXCO
ดอกสว่านเจาะปูน (ดอกเจาะปูน) ยี่ห้อ Star และ MEXCO
ดอกสว่านสแตนเลส (ดอกสแตนเลสใช้เจาะเหล็กได้) ยี่ห้อ META
ดอกสว่านโรตารี่ (ดอกโรตารี่) ยี่ห้อ Heller และ Joran
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเครื่องมือช่าง อุปกรณ์ก่อสร้างทั่วไป รวมถึงเครื่องมือทางการเกษตร
สามารถสอบถามแอดมินร้านเฮียบฮกออนไลน์ได้เลยทันที
เฮียบฮกออนไลน์ยินดีตอบคำถามและให้คำปรึกษาเรื่องเครื่องมือช่าง
โทรศัพท์: 0956549462 และ 0626463545
Facebook: Heabhok
Line: @heabhok (พิมพ์@ด้วยน้า)