ปัจจัยแห่งความสำเร็จสำหรับธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง

ปัจจัยแห่งความสำเร็จสำหรับธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง

              ธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างหรือร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างเป็นรูปแบบธุรกิจหรือการค้าอีกประเภทหนึ่งที่มีผู้เล่นในอุตสาหกรรมนี้จำนวนมาก และมีผู้สนใจที่จะทำธุรกิจประเภทนี้อยู่จำนวนไม่น้อย การประกอบธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างหากมีแผนธุรกิจที่ดี รวมถึงมีการบริหารจัดการและดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อแน่ว่ากำไรที่คาดว่าจะได้จากธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างนี้ค่อนข้างดีพอสมควร

             EP นี้ เฮียบฮกออนไลน์จะนำเสนอบทความสำหรับผู้ที่สนใจธุรกิจค้าปลีกร้านวัสดุก่อสร้าง เพื่อเป็นไอเดียสำหรับนำไปใช้ในการ Startup ธุรกิจ หรือสำหรับผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้อยู่แล้ว สามารถนำไปปรับใช้กับการดำเนินงานกับธุรกิจร้านวัสดุก่อสร้างได้เช่นกัน

ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจค้าปลีกร้านวัสดุก่อสร้างประสบความสำเร็จมีอะไรบ้าง

            ก่อนจะกล่าวถึงปัจจัยที่ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องทำความเข้าใจในเรื่องอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างเสียก่อน เพื่อให้ผู้ที่สนใจในธุรกิจประเภทนี้มีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง เฮียบฮกออนไลน์ขอนำเสนอความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างพอสังเขป ดังนี้

             ภาพรวมของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง: โครงสร้างอุตสาหกรรมกลุ่มตลาดธุรกิจร้านวัสดุก่อสร้าง มีจำนวนผู้ประกอบการร้านวัสดุก่อสร้างที่จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ประมาณ 8,200 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่จำนวน 163 ราย ผู้ประกอบการขนาดกลางจำนวน 723 ราย และผู้ประกอบการขนาดเล็กจำนวน 7,332 ราย ในจำนวนกลุ่มผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างสามารถจำแนกออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ (Modern Trade) และร้านค้าวัสดุก่อสร้างท้องถิ่นหรือรูปแบบเดิม (Traditional Stores)

ปัจจัยแห่งความสำเร็จสำหรับธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง

             จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่า โครงสร้างอุตสาหกรรมประมาณกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ค้าวัสดุก่อสร้างเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กเป็นหลัก ที่เหลืออีกประมาณเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์เป็นของผู้ประกอบการขนาดใหญ่และขนาดกลาง นอกจากนี้ ส่วนแบ่งทางการตลาดของอุตสาหกรรมก่อสร้างสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มงานก่อสร้างภาครัฐประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 30 เปอร์เซ็นต์เป็นของกลุ่มงานก่อสร้างภาคเอกชน

             ร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ (Modern Trade) คือ ธุรกิจค้าปลีก-ส่ง ดำเนินกิจการแบบซื้อมาขายไป รูปแบบของร้านทันสมัย มีทำเลที่ตั้งติดถนนใหญ่ มีระบบจัดการภายใน เช่น ระบบเก็บข้อมูลลูกค้า ระบบสินค้าคงคลัง ระบบจัดซื้อ ระบบขาย ระบบบัญชี ระบบขนส่งและการกระจายสินค้าที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพ สามารถพบร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ได้ตามหัวเมืองใหญ่ ร้านค้าวัสดุก่อสร้างประเภทนี้แตกต่างจากร้านค้าวัสดุก่อสร้างท้องถิ่นหรือรูปแบบเดิม (Traditional Stores) แต่ร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ (Modern Trade) จะมีจุดอ่อนในเรื่องของคุณภาพสินค้า เพราะผู้ผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างรายใหญ่บางรายอาจเลือกที่จะไม่วางสินค้าในร้านวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ (Modern Trade) ที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ ตัวอย่างเช่น สินค้าวัสดุก่อสร้างในเครือ SCG จัดจำหน่ายสินค้าผ่านร้านวัสดุก่อสร้างท้องถิ่น และจัดจำหน่ายผ่าน SCG Home หรือร้านวัสดุก่อสร้างที่เป็น Authorized Dealer ของ SCG

             สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นผู้เล่นในกลุ่มธุรกิจร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ ได้แก่ โฮมโปร โฮมเวิร์ค บุญถาวร ไทวัสดุ โกลบอลเฮ้าส์ และดูโฮม ผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง 6 รายนี้สามารถแบ่งได้อีก 2 กลุ่มย่อยประเภทตามสินค้าที่จำหน่าย คือ ร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่จำหน่ายสินค้าเฉพาะทาง (โฮมโปร โฮมเวิร์ค และบุญถาวร) และร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่จำหน่ายสินค้าครบวงจร (ไทวัสดุ โกลบอลเฮ้าส์ และดูโฮม)

            ร้านค้าวัสดุก่อสร้างท้องถิ่นหรือรูปแบบเดิม (Traditional Stores) เป็นรูปแบบธุรกิจที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปมีขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เช่น ร้านขนาดเล็กตามตึกแถว ร้านขนาดกลางมีตัวร้านเล็ก โกดังและพื้นที่เทกอง และร้านขนาดใหญ่จะมีหน้าร้านใหญ่ โกดังและพื้นที่เทกอง และมีรถบริการจัดส่ง ร้านค้าวัสดุก่อสร้างประเภทนี้จะมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน แต่การบริการและความหลากหลายของสินค้าอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป จุดเด่นของร้านวัสดุก่อสร้างท้องถิ่นหรือรูปแบบเดิม คือ มีทำเลที่ตั้งที่อยู่ในแหล่งชุมชน ใกล้ชิดลูกค้าและรู้ถึงความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ มีความกันเองกับลูกค้า เพราะร้านค้าวัสดุก่อสร้างประเภทนี้โดยส่วนใหญ่เจ้าของร้านจะเป็นผู้ขายสินค้าให้กับลูกค้าเอง อย่างไรก็ดี จุดด้อยของร้านค้าวัสดุก่อสร้างท้องถิ่นหรือรูปแบบเดิมเป็นเรื่องของความหลากหลายของสินค้า และมีปริมาณสินค้าคงคลังน้อยกว่าร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ แม้ว่าร้านค้าประเภทนี้อาจมีการปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันกับร้านค้าสมัยใหม่ได้ เช่น วางจำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท ปรับปรุงหน้าร้าน ระบบการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ระบบสินค้าคงคลัง และให้บริการส่งสินค้าที่เป็นระบบมากขึ้น แต่ยังมีสิ่งที่ทำให้ร้านค้าประเภทนี้เสียเปรียบร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ คือ เงินทุน การทำตลาด และความแข็งแกร่งของแบรนด์ผู้ค้า

             ปัจจัยที่ส่งผลต่อความต้องการสินค้าในร้านวัสดุก่อสร้า ประกอบด้วย การเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐ หนี้สินครัวเรือน และความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก

            ลักษณะการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างอยู่ในระดับสูงและรุนแรง ทั้งในส่วนของร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบใหม่และร้านค้าท้องถิ่นหรือรูปแบบเดิม จะเห็นได้จากการขยายสาขาของร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ที่เป็นทั้งผู้เล่นรายใหญ่ เพื่อให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ ๆ มีขนาดพื้นที่ใหญ่เพื่อรองรับสินค้าให้ครบถ้วน ส่วนร้านค้าท้องถิ่นหรือรูปแบบเดิมมีการปรับปรุงร้าน เพิ่มบริการขนส่ง โปรโมชั่น และให้เครดิตการค้ากับช่างและผู้รับเหมา

            กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจค้าปลีกร้านวัสดุก่อสร้างทั้งแบบใหม่ (Modern Trade) และแบบเดิม (Traditional) ไม่แตกต่างกันมากนัก ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มลูกค้ารายย่อยหรือเจ้าของบ้านในพื้นที่ ช่าง และกลุ่มผู้รับเหมาขนาดกลางและเล็ก หรือผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์

             กลุ่มลูกค้ารายย่อย หรือเจ้าของบ้านในพื้นที่ เป็นกลุ่มลูกค้าที่นิยมไปเลือกสินค้าเกี่ยวกับบ้านเอง โดยมีแหล่งซื้อที่เป็นร้านวัสดุใกล้บ้าน/ไฮเปอร์มาร์เก็ต หากมีความต้องการเฉพาะเจาะจง ลูกค้ารายย่อยจะไปซื้อสินค้าที่ร้านปลีกวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเฉพาะด้าน เช่น ร้านขายผลิตภัณฑ์กระเบื้องและเครื่องสุขภัณฑ์

              ช่าง และกลุ่มผู้รับเหมาขนาดกลางและเล็กหรือผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ ความต้องการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของงานหรือการทำธุรกิจ เช่น กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้รับเหมาที่รับเฉพาะงานโครงการของภาครัฐ และกลุ่มผู้รับเหมาที่รับงานก่อสร้างอาคารและที่อยู่อาศัย จะมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างที่ต่างกัน

ปัจจัยแห่งความสำเร็จสำหรับธุรกิจค้าปลีกร้านวัสดุก่อสร้าง

ปัจจัยแห่งความสำเร็จสำหรับธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง

    ก่อนที่โควิด-19 จะระบาดในประเทศไทย มีหลายสำนักวิจัยและสถาบันทางเศรษฐกิจเสนอว่าปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกร้านวัสดุก่อสร้าง มีดังนี้

             ทำเลที่ตั้งของร้าน ควรเป็นสถานที่ที่ลูกค้าที่สัญจรไปมาหรืออยู่ในพื้นที่สามารถมองเห็นที่ตั้งของตัวร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างได้อย่างชัดเจน เพื่อให้ได้ทั้งลูกค้าขาจรและขาประจำ ทำเลที่ตั้งของร้านต้องเข้า-ออกได้สะดวกสำหรับรถขนส่งสินค้า ขนาดของร้านต้องสอดคล้องกับตลาดและจำนวนรายการสินค้าที่ต้องการจะขาย ในส่วนนี้ต้องแบ่งพื้นที่ไว้สำหรับคลังสินค้า และพื้นที่สำหรับรถขนถ่ายสินค้า นอกจากนี้ ในทำเลที่ตั้งควรมีร้านค้าวัสดุก่อสร้างจำนวนน้อยหรือไม่กี่รายเพื่อหลีกเลี่ยงการแย่งลูกค้า และการแข่งขันกัน หรือการเข้าครอบครองทำเลก่อนคู่แข่ง

             การบริการลูกค้า เนื่องจากสินค้าวัสดุก่อสร้างที่จำหน่ายตามร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก รวมถึงราคาขายสินค้าแทบจะใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ลูกค้าส่วนมากที่มาซื้อวัสดุก่อสร้างที่ร้านค้าปลีกมักมาพร้อมกับปัญหาหรือความสงสัย ดังนั้นผู้ขายหรือผู้ประกอบต้องให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้าเป็นอันดับแรก การบริการจัดส่งที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดมาตรฐานในการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าภายในระยะเวลา 1 วันนับจากวันรับคำสั่งซื้อ หากสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ ปัจจัยนี้สามารถสร้างความแตกต่างให้กับร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างได้

          ความรู้เกี่ยวกับสินค้า ลูกค้าที่มาซื้อสินค้าที่ร้านวัสดุก่อสร้างอาจต้องการสินค้าบางอย่าง แต่ลูกค้าเรียกไม่ถูก หรือไม่ทราบว่าต้องใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างแบบใด ผู้ขายต้องรู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการคืออะไร สามารถใช้วัสดุใดแก้ปัญหาของลูกค้าได้บ้าง นอกจากนี้ ผู้ขายอาจต้องแนะนำวัสดุก่อสร้างรุ่นใหม่ ๆ หรือที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สามารถปรับปรุงงหรือแก้ไขที่อยู่อาศัยของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น  

             ความหลากหลายของสินค้า ผู้ประกอบการร้านวัสดุก่อสร้างต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่องความหลากหลายของสินค้า โดยเลือกสินค้าเข้ามาจำหน่ายในร้านอย่างน้อย 2 แบรนด์ในสินค้าวัสดุก่อสร้างประเภทเดียวกัน ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม นอกจากนี้สินค้าวัสดุก่อสร้างที่จำหน่ายต้องสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ ปัจจัยนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างได้ เนื่องจากลูกค้าส่วนมากต้องการซื้อสินค้าจากร้านค้าที่มีสินค้าครบถ้วนตามที่ต้องการ

            ราคาขาย ราคาขายเป็นปัจจัยที่มีอิทธิสูงมากต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากสินค้าที่จำหน่ายในร้านวัสดุก่อสร้างมีทั้งสินค้าที่เป็นแบรนด์เดียวกันหรือมีสินค้าที่สามารถใช้งานทดแทนกันได้ ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างควรกำหนดราคาขายปลีกให้กับลูกค้ารายย่อยหรือเจ้าของบ้านที่ซื้อสินค้าจำนวนน้อย กำหนดราคาขายส่งให้กับช่าง ผู้รับเหมาหรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องซื้อวัสดุก่อสร้างจำนวนมาก ควรกำหนดราคาสินค้าให้ใกล้เคียงกับร้านคู่แข่ง

             เงินทุน/เงินทุนหมุนเวียน ธุรกิจค้าปลีกประเภทนี้ใช้เงินหมุนเวียนค่อนข้างสูง เพราะต้องทำการสต๊อกสินค้าจำนวนมากให้พอกับความต้องการของลูกค้า หากมีเงินทุนหรือเงินหมุนเวียนไม่มากนัก อาจเกิดปัญหาสภาพคล่องได้ ซึ่งนำไปสู่การขาดทุนทางธุรกิจได้ รวมถึงต้องมีการบริหารสินค้าคงคลังหรือสต๊อกให้มีประสิทธิภาพ ในส่วนนี้สามารถกระทำโดยการประเมินหรือคัดเลือกคู่ค้าที่มีความสามารถทางการผลิต คุณภาพสินค้า คุณภาพการให้บริการ และความสามารถในการจัดส่ง ทั้งนี้การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายประจำเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน ในส่วนนี้ผู้ประกอบการต้องบริหารและควบคุมให้ดี

           การสร้างเครือข่าย หมายถึง การสร้างเครือข่ายหรือพันธมิตรที่เป็นตัวแทนผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ และร้านค้าวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ในพื้นที่ ความสำคัญของปัจจัยการสร้างเครือข่าย คือ ในกรณีที่ลูกค้าต้องการจัดซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ร้านตนเองไม่ได้สต๊อกไว้ ปัจจัยการสร้างเครือข่ายนี้ สามารถทำให้ร้านค้าวัสดุก่อสร้างสามารถจัดซื้อสินค้าจากร้านเครือข่ายหรือพันธมิตรมาจำหน่ายให้กับลูกค้าได้ วิธีการเช่นนี้ทำให้ร้านค้าวัสดุก่อสร้างไม่เสียลูกค้า ขณะเดียวกันสามารถสร้างเครือข่ายกับร้านวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ เพื่อขายสินค้าบางรายการที่ร้านเหล่านั้นไม่ได้สต๊อกสินค้าไว้ นอกจากนี้ ยังต้องสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับช่างรับเหมาก่อสร้างเพื่อโอกาสทางธุรกิจ

            พฤติกรรมผู้บริโภค ปัจจัยนี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการร้านวัสดุก่อสร้างต้องให้ความสนใจและคอยศึกษาการเปลี่ยนแปลงด้านความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ควรศึกษาความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม เพราะแต่ละกลุ่มมีความต้องการและมีรูปแบบการซื้อสินค้าที่แตกต่างกัน  

            อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ทำให้หลายธุรกิจต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมการค้ากับลูกค้าและเพื่อให้ธุรกิจของตนเองอยู่รอดได้ ได้ส่งผลถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากเดิม เนื่องจากรัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ภายในประเทศด้วยการให้ประชาชนทำงานที่บ้าน (Work from Home) จำกัดเวลาเข้าออกเคหะสถาน กล่าวโดยสรุป คือ ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ทำให้ธุรกิจหลายประเภทต้องปรับตัวด้วยการเปิดให้บริการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น มีบริการส่งสินค้า และบริการการจัดส่งสินค้าให้ถึงที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค แน่นอนว่าธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์เช่นกัน

           ดังนั้นปัจจัยแห่งความสำเร็จสำหรับธุรกิจค้าปลีกร้านวัสดุก่อสร้างหลังโควิด-19 เป็นเรื่องของกลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าแบบ Multi Channels และ Omni Channel

               ปัจจุบันช่องทางการขายสินค้าจะมี 3 แบบ ได้แก่ การขายผ่านช่องทางเดียว (Single Channel) การขายผ่านช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (Multi Channels) และการขายผ่านช่องทางที่เชื่อมโยงช่องทางการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ไว้ด้วยกัน (Omni Channel) 

            การขายผ่านช่องทางเดียว (Single Channel) เป็นการขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางเดียวเท่านั้น อาจเป็นการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว หรือขายผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเดียว

             การขายผ่านช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (Multi Channels) หมายถึง การขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ช่องทางนี้ ผู้ขายจะสนทนากับลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย ทางโทรศัพท์ หรือหน้าร้าน ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ มีบริการจัดส่ง แต่การขายรูปแบบนี้ ข้อมูลการขายสินค้ารวมถึงจำนวนสินค้าคงเหลือจะไม่เชื่อมโยงกัน

             Omni Channel คือ คือการเชื่อมโยงผสมผสานช่องทางการขายทุกแพลตฟอร์มเข้าด้วยกันอย่างสอดคล้องกัน ซึ่งช่องทางนี้จะไม่เหมือนกับการขายผ่านช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือ Multi Channels กล่าวคือ Omni Channel เป็นช่องทางการขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน ผ่านสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป แท็บเล็ต หรือไปรับสินค้าที่หน้าร้าน ลูกค้าสามารถใช้ช่องทางเหล่านี้ในการเช็คสต็อกสินค้า สั่งซื้อสินค้าและชำระเงินได้เลย สำหรับเจ้าของธุรกิจสามารถรู้ได้เลยว่าสินค้าใดถูกซื้อผ่านช่องทางไหน ลูกค้าต้องการให้จัดส่งแบบใด เหลือจำนวนสินค้าในสต็อกเท่าไหร่ ซึ่งช่องทางนี้จะเน้นที่การสร้างประสบการณ์ในการซื้อสินค้าให้กับผู้บริโภคเป็นหลัก

สรุป:

                ธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างเป็นอีกหนึ่งในหลาย ๆ ธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจหรือนักลงทุน อย่างไรก็ดี การทำธุรกิจประเภทนี้ จะต้องมีความรู้และความเข้าใจในธุรกิจเช่นกัน รวมถึงปัจจัยแห่งความสำเร็จที่ช่วยทำให้ธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างประสบความสำเร็จและสามารถยืนอยู่ได้ในระยะยาว ได้แก่ ทำเลที่ตั้งของร้าน การบริการลูกค้า ความรู้เกี่ยวกับสินค้า ความหลากหลายของสินค้า ราคาขาย เงินทุน/เงินทุนหมุนเวียน การสร้างเครือข่าย และพฤติกรรมผู้บริโภค

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _     

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเครื่องมือช่าง อุปกรณ์ก่อสร้างทั่วไป รวมถึงเครื่องมือทางการเกษตร 

สามารถสอบถามแอดมินร้านเฮียบฮกออนไลน์ได้เลยทันที

เฮียบฮกออนไลน์ยินดีตอบคำถามและให้คำปรึกษาเรื่องเครื่องมือช่าง

โทรศัพท์: 0956549462 และ 0626463545

Facebook: Heabhok

Line: @heabhok (พิมพ์@ด้วยน้า)

4 thoughts on “ปัจจัยแห่งความสำเร็จสำหรับธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *